1/18/2552

ลาวเทิง ตอนที่ 6

เรามาอ่านกันต่อของบทความท่องเที่ยวเมืองลาว ของคุณ คาเมสุมิฉาจารา มาถึงอีกตอนแล้ว

"อัตราค่าพักที่โพนสะหวัน ค่อนข้างถูก มีแต่ตั้งแต่ 2 ดอลลาร์ ไปจนถึงสูงสุด 5 ดอลลาร์
ผมเลือกพักที่ "เฮือนพักพูคำ" ราคาต่อคืน เพียง 3 ดอลลาร์ (30,000 กีบ)
เป็นห้องพัดลม ห้องน้ำในตัว ไม่มีน้ำอุ่น แต่ก็ขออาบน้ำอุ่นที่ห้องอาบน้ำของเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ได้ตลอดเวลา
(ผมขออาบน้ำอุ่นทุกครั้งแหละครับ ใครจะไปอาบน้ำเย็นไหว อากาศหนาวเย็น ขนาดนั้น)

เฮือนพักพูคำ อยู่ติดกับวงเวียนใหญ่ใจกลางเมือง ซึ่งเป็นย่านดาวน์ทาวน์ แห่งเดียวของเมือง
นักท่องเที่ยว ใครพักที่ไหน ก็เดินวนไปวนมา เจอกันวันละห้ารอบ อยู่แถวนี้ละครับ



วงเวียนใหญ่ใจกลางเมือง ในบรรยากาศฟ้าฉ่ำฝน


มีพานทองรองรับ ตั้งอยู่กลางวงเวียนด้วย แต่รัฐธรรมนูญหายไปไหนล่ะ อิ อิ เหมือนเมืองไทยตอนนี้เลย
ผมสันนิษฐานไปทางทะลึ่งว่า พานทองอันนี้ คงสร้างเลียนแบบอนุสาววรีย์ประชาธิปไตยของไทย
ที่มีพานรองรับรัฐธรรมนูญ แต่พอคอมมิวนิสต์เข้ายึดครองลาว ก็เลย "โละ" รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยทิ้งไป เหลือแต่พานโด่เด่
(ข้อสันนิษฐานนี้ ห้ามนำไปใช้อ้างอิงที่อื่นเด็ดขาด เป็นการสันนิษฐานมั่วปนมัน)


ป้ายต้อนรับกลางวงเวียน

ติดค้างไว้ว่า จะอธิบายถึง "โพนสะหวัน" กับ "เชียงขวาง" ว่ามันก็คืออันเดียวกัน แต่ทำไมถึงเรียกไม่เหมือนกัน
ดูในป้ายรูปข้างบนนะครับ
จะเขียนบอกว่า "ชาวเชียงขวาง (หรือภาษาลาวอ่าน "เซียงขวง") ยินดีต้อนรับทุก ๆ ท่าน"

จริง ๆ แล้ว เชียงขวาง คือ จังหวัด (Province)
แต่ "จังหวัด" ของลาว ไม่ได้มีขอบเขตจำกัดเหมือนของไทยนะครับ จะมีลักษณะเหมือนเป็น "แขวง" เสียมากกว่า
คือ เชียงขวาง ไม่ได้เป็นชื่อเมือง แต่เป็นชื่อจังหวัด-ชือแขวง
"เมือง" ที่ผมมาเยือนนี้ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "เมืองแปก" (คงจะตั้งตามชื่อต้นไม้ แปลก ๆ ที่กล่าวไปข้างต้น)

และ "โพนสะหวัน" ที่ทุกคนรู้จักทั่วไป จริง ๆ แล้วก็เป็นแค่ชื่อ "หมู่บ้าน" ในสังกัดเมืองแปก
เห็นในป้ายที่อยู่ตามร้านค้า จะเขียนว่า
"บ้านโพนสะหวัน เมืองแปลก จังหวัดเชียงขวาง"

เอาละครับ อธิบายที่มาที่ไปของชื่อเมือง ให้ทราบกันพอสังเขป
เดี๋ยวจะพาเข้าที่พักแระ เหนื่อยเต็มที ขอนอนสักงีบ พรุ่งนี้จะพาชมเมือง "แปลก" ซึ่งมีของแปลก ๆ ในสายตาชาวเราหลายอย่างเหมือนกัน

ในบริเวณที่พัก จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วย อาวุธยุทโธปกรณ์ ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม
เก็บไว้เป็นของที่ระลึก (รึเปล่า) เต็มไปหมด
ลืมบอกไปว่า พื้นที่ส่วนนี้ ในอดีตเป็นสมรภูมิการต่อสู้ ระหว่าง อเมริกา (บวกพี่ไทย) กับ ขบวนการกู้ชาติลาว ที่มีรัสเซียและเวียดนาม หนุนหลัง แห่งสำคัญเลยครับ
จึงมีอนุสรณ์แห่งสงครามอยู่เกลื่อนกลาด และเป็นทุกแห่งทุกที่ในโพนสะหวันเลยครับ
ที่เอา อาวุธชนิดต่าง ๆ มาประดับประดา ที่พัก ตกแต่งทุกสิ่งทุกอย่าง
ดูตามรูปแล้วกันนะครับ



ดูให้ดีครับ เสาป้าย ทำด้วยกระสุนปืนใหญ่นะนั่น กระถางปลูกต้นไม้ใบหญ้า ก็เหมือนกัน


อันนี้ วางอยู่หน้าเคาน์เตอร์


แล้วนี่ ตามทางเดินทั่วไป


ระเบียงด้านหน้าก็ไม่เว้น

อย่างที่บอกไปแล้วครับ โพนสะหวัน เป็นเมืองเล็ก ๆ
และดูเหมือน จะเป็นเมือง ที่เพิ่งเริ่มต้นพัฒนา (สู่ความเจริญ)
เพราะตึกอาคาร ร้านค้า ดูใหม่มาก เหมือนว่าเพิ่งจะสร้างขึ้นมาไม่นานนัก
คล้าย ๆ จังหวัดเกิดใหม่ ของไทย อย่าง มุกดาหาร หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อะไรประมาณนี้ละครับ
คือ มีทั้งความเป็น "บ้านนอก" และความเป็น "เมือง" ปนอยู่ในตัว

ผมค่อนข้างมีเวลาว่างกับเมืองนี้เยอะ
เพราะไม่มีที่ท่องเที่ยว ที่ไหน
นอกจาก เดินไปเดินมา อยู่ในบริเวณตัวเมือง
และก็เก็บภาพ หลาย ๆ ภาพมาฝาก
คือ ภาพเหล่านี้ ก็คงปกติของบ้านเขา
แต่ความคิดของชาวเรา มันก็ดูแปลก ๆ ถึงขั้นทำให้ขำก๊าก ไปเลยก็มี

เชิญชม ภาพรวมมิตร ที่ผมเก็บมาฝากจากเมืองโพนสะหวัน ครับ




ดูรูปทรงอาคาร และความใหญ่โตโอฬาร ผมคิดว่าต้องเป็นศาลาว่าการเมือง แน่ ๆ



แต่พอเดินเข้าไปดู อะจ๊าก ไม่ใช่ศาลากลาง
ปรากฏว่า เป็นห้างสรรพสินค้าประจำเมืองครับ
สินค้าที่วางขาย มีเฉพาะเกี่ยวกับ เสื้อผ้า เครื่องแต่งตัว เครื่องประดับ
ดูคุณภาพแล้ว ระดับตลาดนัดบ้านเรานี่เอง
ส่วนพวกเสื้อชาวเขา เสื้อม้ง เสื้อแม้ว ที่เหมือนจะเน้นขายนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
ราคาแพงจับจิต ไม่กล้าซื้อเลยครับ


อันนี้ต่างหาก ศาลากลางเมืองแปก
มีธงชาติลาวประดับคู่ธงค้อนกับเคียว ให้เห็นเป็นสำคัญ


สินค้าอันพึงมีไว้ทุกครัวเรือน "จานดาวเทียม"
วางขายกันริมถนน อย่างนี้แหละ


ระหว่างทาง เจอเขากำลังจัดงานแต่งงาน
เลยเดินเข้าไปขอชักรูป ตามประสานักถ่ายรูปมือซน
อ้าย-เอื้อยลาว กลับเชื้อเชิญแกมฉุดกระชากลากถูผมเข้าไปในงานเสียเนี่ย
ยก เบียร์ลาว หรือ "เขยลาว" มาเสริฟผมเฉย คะยั้นคะยอให้ร่วมดื่มกิน เป็นเกียรติแก่คู่บ่าวสาว
ตามนิสัยคนลาวที่อัธยาศัยดี และ "มักม่วน"
งานนี้ผมไม่ต้องเสียสินสอดทองหมั้น ก็ได้เป็น "เขยลาว" กับเค้าเหมียนกัน เอิ๊ก เอิ๊ก
แต่เป็น "เขยลาว" พอหอมปากหอมคอ แค่สองขวด ก็กล่าวล่ำลา ซำบายดี ขอบใจหลาย
กลัวจะติดลม กลับที่พักไม่ถูกเอานะครับ




อย่างที่ผมสงสัย หรือว่าเมืองลาว การพนันไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย
อันนี้คือ ร้านตู้ม้า ในเมืองโพนสะหวัน เปิดอย่างสง่าผ่าเผย
ผมไม่แน่ใจว่ามีพวกสล็อทแมชีน หรือ เกมพนันแทงไพ่ อยู่ในนั้นด้วยหรือเปล่า
ไม่กล้าเข้าไป กลัวติดใจ อิ อิ


อันนี้ตั้งใจถ่าย "ข้างหลังภาพ" ของร้านขายซีดีเพลง มาให้ดู
ว่าไอ้สีแดง ๆ ทอง ๆ ของแผ่นซีดีที่เห็นนั้น
คือ แผ่นไรท์ยี่ห้อ PRINCO เราดี ๆ นี่เอง
ซีดีเพลงของที่นี่ ขายแต่ของปลอดลิขสิทธิ์ ไรท์ได้ไรท์เอา เป็นหลักครับ





เจอรถขายขนมปังริมทาง หน้าตาน่ากิน น่าอร่อย
ถามอาแป๊ะ คนขาย ว่าอันนั้นอันนี้ ขนมอะไร รสชาติเป็นไง
อาแป๊ะ แกเหมือนจะฟังภาษาลาว(อีสาน)ของผมไม่รู้เรื่อง
ถามอะไร ก็ตอบมาแต่ สามพันกีบ...สี่พันกีบ...อยู่นั่นแหละ
พอผมถ่ายภาพขนมปังเสร็จ จะขอให้แกโพสต์ท่าทำหน้าหล่อถ่ายคู่กับรถถีบ
ปรากฏว่าแกถีบรถหนีไปเลย ขนมเลยไม่ได้ซื้อไม่ได้กิน
ผมเลยหันไปถามแม่หญิงคนที่ซื้ออยู่ก่อน ว่าอาแป๊ะแกกลัวผมเรื่องไร
แม่หญิงคนนั้นบอกว่า อาแป๊ะคนนี้แกเป็นคนต่างด้าว เป็นพวกจีนฮ่อ จีนอะไรสักอย่างนี่แหละ
เข้าเมืองมาแบบผิดกฎหมาย แกคงกลัวว่าผมเป็นตำรวจลับจะมาถ่ายรูป จับแกส่งกลับประเทศละมัง
เออ...แปลกดี ประเทศคอมมิวนิสต์ (แถมยากจน) อย่างลาว ก็มีคนต่างด้าว ลับลอบเข้าเมืองมาทำมาหากินด้วย



ป้ายนี้ ถ้าไม่มีคำว่า CLINIC มาเป็นไกด์ คงเข้าใจความหมายได้ยากอยู่
แม้จะพอแปลคำเป็นภาษาไทยได้ว่า "ห้องกวด(ตรวจ)พะยาด(พยาธิ)ทั่วไป"
ซึ่งเรา ๆ ท่าน ๆ อาจเข้าใจไปว่า เป็นร้านรับถ่ายพยาธิตัวตืด ตัวกลม ละกระมัง
จริง ๆ แล้วก็เป็นคลีนิกรับรักษาคนป่วยทั่วไปนี่แหละครับ
ซึ่ง ผมว่า ภาษาลาวคำนี้ สละสลวยและถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ กว่าของไทยเราด้วย
"พยาธิ" ในความหมายจริง ๆ ก็คือ โรคาพยาธิ หรือ "โรค" นะเอง
ส่วนของไทยเรา ไอ้ร้านหมอ พวกนี้ ใช้ภาษาวิบัติที่ผมรังเกียจและต่อต้านมาตลอด
คือมักจะเขียนว่า "รับรักษาโรคทั่วไป"
เออ...โรคจะไปรักษามันทำเอี้ยอะไรครับ ต้องรักษาคนสิ ไม่ใช่รักษาโรค
เวรกรรมทางภาษา ใช้ผิดจนกลายเป็นถูก ไปหมดทั้งเมืองแล้ว



ให้ลองทายสิว่า เพิงหมาแหงน ที่ผมถ่ายรูปมานี้ เป็นร้านขายอะไร หรือทำอะไร
หุ หุ เป็นร้านรับใส่ฟันปลอมครับ
อ้าว อย่าหาว่าผมมั่ว หรือหลอกตลกเล่นนะครับ
ดูรูปถัดไปสิ
อุปกรณ์ทางทันตแพทย์ ครบครัน เอิ๊ก ๆ
มา มา เร่เข้ามา ผู้ต้องการจะมีฟันใหม่ที่สวยงาม ทนทาน

ปล. ได้ข่าวว่า ลุงถึกจะไปหาหมอฟันไม่ใช่เหรอครับ ไม่ลองใช้บริการร้านนี้ดูล่ะ เอิ๊ก ๆ

ตอนต่อไป น่าจะเป็นไคลแม็กซ์ของเรื่องตะลุยเมืองลาว ชุดนี้ ก็ว่าได้ครับ
เพราะผมจะพาท่านมุ่งไปสู่ "สมรภูมิทุ่งไหหิน"
ดินแดนแห่งลูกระเบิด และ ไหหินโบราณ มากมาย เหลือจะคณานับ


โปรดรอชมด้วยใจระทึกพลัน

ต่อตอนหน้าแล้วกัน


ไม่มีความคิดเห็น: