1/17/2552

ลาวเทิง ตอนที่ 3

จุดหมายแรกที่ผมจะไป ก็คือ "วังเวียง" อยู่ห่างจากเวียงจันทน์ 150 กม. นี่แหละครับ


รถสองแถวเล็ก วิ่งไปตามทางหลวงสาย 13
ท่ามกลางเม็ดฝน ที่หนักบ้าง เบาบ้าง ไปตลอดทาง
บนรถมีเพียงผมที่เป็นชาวต่างประเทศ
นอกนั้นเป็น ซาวลาว หมด
รถจอดเป็นระยะ ๆ ตามความต้องการของผู้โดยสาร ซึ่งเดี๋ยวก็อยากซื้อ "ข้าวจี่"
หรือขนมปังบาร์เก็ตดุ้นยาว ๆ นั่นแหละครับ ซื้อน้ำ ซื้อผลไม้ ของกินจุกจิก ไปกินตามทาง
แต่ผมไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไร เขาลง เราก็ลงไปเดินเล่นด้วย ซื้อมั่งไม่ซื้อมั่ง
ที่น่ารักคือ ของที่ทุกคนซื้อแล้ว ก็เอามาแบ่งกันกินบนรถนะแหละ

คนลาว ไม่หวงแจก และที่สำคัญคือ ไม่อายรับ (555)
ไม่เหมือนคนไทย ที่เวลาเรายื่นของที่กำลังกินอยู่ไปให้คนแปลกหน้า (ตามมารยาท)
อีกฝ่ายก็มักจะบอก ขอบคุณครับ ไม่เป็นไรครับ เชิญตามสบาย (ตามมารยาทเหมือนกัน)

แต่มารยาทที่ดีของคนลาวคือ ให้ปุ๊บ รับปั๊บ แถมส่งต่อไปให้คนอื่น ๆ ด้วย 555
อย่างผม ยื่นซองปลาหมึกทาโร่ ที่กำลังกินไปให้ ปรากฏว่า เขาหยิบกิน
แล้วส่งต่อไปให้เพื่อนทั้งคันรถเลยครับ ก็แปลก ๆ น่ารักดี
และคนลาว ก็เป็นคนโอภาปราศัยดี ขึ้นรถมาคุยกันสนิทสนมกันทั้งคันรถ
ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่า ไม่มีใครรู้จักกันเลย
แต่คุยกันเหมือนเป็นเพือนกันมานาน ทั้งเรืองบ้าน เรื่องครอบครัวตัวเอง

เขาเม้าส์กันเรื่อง น้องอเล็กซานดร้า ซุปเปอร์สตาร์ลาว ที่มาเล่นละครไทยเราด้วย
ผมฟังแล้วตลก ที่เขานินทากันทั้งคันรถว่า ในละครช่อง 7 อเล็กซานดร้า
พูดดัด(จริต)เสียงจนน่ารำคาญ คนลาวไม่เคยพูดอย่างนี้
ผมเลยบอกว่า ที่เมืองไทย วัยรุ่นไทยก็เป็น ชอบทำเสียงแมว ตะแง่ว ๆ
สงสัยน้องอเล็กซานดร้า จะเลียนแบบวัยรุ่นไทยมานี่แหละ
เขาหัวเราะกันทั้งรถ บอก เออ ใช่ ๆ ๆ ๆ เสียงเหมือนแมวปวดท้องขี้

รถวิ่งฝ่าความมืด และความหนาวเย็น ผ่าน โพนโฮง หินโหบ จนมาถึง วังเวียง เมื่อเวลาเกือบสามทุ่ม
เหลือแต่ผมที่ลงจากรถที่ท่ารถวังเวียง เพราะผู้โดยสารก่อนหน้านั้น จะลงไปก่อนตามหมู่บ้านต่าง ๆ ก่อนเข้าวังเวียง

ลงมาก็ยืนเคว้งเลยครับ เพราะท่ารถตอนนั้น มืด เงียบ ไม่มีคนสักคน
ผมยังนึกสงสัยอยู่เลยว่า มาถูกหรือเปล่าเนี่ย คนละวังเวียงหรือเปล่า
วังเวียง เป็นเมืองนักท่องเที่ยว ทำไมมันเงียบ ไม่มีคนสักคนยังงี้

แต่ก็โชคดี ผ่านไปสัก 2-3 นาที ก็มีรถสามล้อเครื่องคันหนึ่งผ่านมา
ถามผมว่า จะไปพักที่ไหน มีที่พักหรือยัง
ผมเช็คข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตมาก่อนแล้ว มีลิสต์รายชื่อที่พักอยู่ 2-3แห่ง
ก็เลยบอกเขาไปว่า ไป วังเวียงออร์คิด
เขาคิดค่าโดยสาร 10,000 กีบ ผมก็ไม่รู้ว่าถูกหรือแพงหรอก
แต่ ก็ไม่ได้ต่อรองอิดเอื้อนอะไร เพราะเหนื่อยมาก เดินทางติดต่อกันมาเกิน 24 ชม.แล้ว น้ำท่าไม่ได้อาบ อยากถึงที่พัก อาบน้ำอุ่น ๆ ล้มตัวลงนอน ซะที

พอรถเข้ามาส่งถึงที่พัก
ก็รู้ว่า ความจริงจากทางหลวงแผ่นดินเข้าไปสู่ใจกลางชุมชนวังเวียง
ถือว่าไกลพอสมควร น่าจะไม่ต่ำกว่า 1 - 2 กิโลเมตร เดินไม่ได้แน่

ราคาที่พักที่ วังเวียงออร์คิด ค่อนข้างแพง เมื่อเทียบกับที่อื่น
(แต่ก็ถือว่า "ถูกมาก" ถ้าเทียบกับที่พักในเมืองไทย)
ห้องแอร์ มีน้ำอุ่น คืนละ 120,000 กีบ (12 ดอลลาร์) คิดเป็นเงินไทยก็ตกราว 480 บาท
แต่ตอนที่ผมไป เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ผมเลยขอต่อ เหลือ 100,000 กีบ ซึ่งเขาก็โอเค

พูดถึงที่พักในเมืองลาว มีข้อแย่เหมือน ๆ กันอยู่อย่างหนึ่ง คือ เรื่องความสะอาด
ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ผ้าห่ม จะเก่ามาก จนสาก ขึ้นขุย ก็ยังใช้กันอยู่
และอีกอย่าง แม้เมืองลาวการท่องเที่ยวเริ่มบูม
แต่ความคิดเรื่อง "การให้บริการ" ยังไม่มีแบบของไทยเลยครับ
ไม่มีจริง ๆ คือ พนักงานซึ่งก็คือญาติพี่น้องที่มาช่วยกัน ก็ยัง พูดน้อย กลัวนักท่องเที่ยว ถามคำตอบคำ เหมือนชาวบ้านทั่วไป
อย่าว่าแต่พนักงานเลย ตัวเจ้าของเอง ก็ยังบ้าน ๆ ไม่ค่อยรู้วิธีพูดเอาใจ-ดูแลลูกค้า
ไม่เฉพาะแต่เกสต์เฮ้าส์เล็ก ๆ นะครับ โรงแรมระดับ 4 ดาว 5 ดาว ก็เหมือนกันหมด

เกสต์เฮาส์ วังเวียง ออร์คิด ที่เข้าพักคืนแรก
ผมเสิร์ชในอินเทอร์เน็ต ฝรั่ง(และคนไทย)ให้ความเห็นตรงกันว่า น่าพัก
ผมเห็นตอนแรกก็ไม่รู้สึกว่าจะดีเด่อะไร แถมยังเป็นตึกทึบ แบ่งเป็นห้องๆ เหมือนโรงแรมทั่วไป จะมีดีตรงไหน
แต่พอเข้าไปพักแล้ว ถึงได้รู้ว่า ที่นี่ "มีดี" ตรงที่ค่อนข้างสะอาดครับ ฝรั่งน่าจะชอบตรงนี้
และที่สำคัญ เขาว่า ตรงนี้แหละ ที่วิวด้านหลังติดกับ "น้ำซอง" ที่วิวสวยที่สุด เป็นที่สายน้ำสองเส้นมาบรรจบกันพอดีด้วย



ด้านหลังเกสต์เฮาส์ เห็นภูเขาหินปูนและน้ำซอง ดูรูปต่อไปสิครับ ว่าสวยขนาดไหน ตื่นมาตอนเช้า สวยมาก



สะพาน ไม้ ข้ามไปยังเกาะกลางแม่น้ำ ที่ตรงนั้น มีบังกะโลสไตล์ กระท่อม มุงจาก ให้พักด้วย ฝรั่งชอบกันมาก แต่ผมไม่มีความอยากผจญภัยในตอนนอนขนาดนั้น ยังไงก็ยังอยากนอนเตียงนุ่ม ๆ หนา ๆ อยู่


วิวด้านหลังที่พัก น้ำสองสายมาบรรจบกันพอดี
ร่องน้ำด้านใกล้ ไม่ลึกนะครับ เขาว่าลึกแค่เอว เป็นที่จัดทัวร์ นั่งห่วงยางล่องน้ำซอง
ถ้าใครไปเที่ยว อย่าลืมโปรแกรมนี้นะครับ สนุกดี เหมือนได้กลับไปเป็นเด็ก นั่งห่วงยาง ลอยไปตามน้ำ
ส่วนหนูเอ้ อาจไม่ต้องใช้ห่วงยางก็ได้ เพราะมีอยู่แล้ว 555


ดาวน์ทาวน์วังเวียง ยังเช้าอยู่ดูเงียบ ๆ แต่พอสายหน่อยฝรั่งเพียบ เหมือนเกาะพีพี หรือเสม็ดเลย




อาทิตย์ลับเหลี่ยมเขา มุมเดียวกับตอนเช้า


ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก ว่ากำลังจะออกไป ตะลุยวังเวียง แล้วววววววว

ตอนเช้า ที่วังเวียง
หลังจากทานอาหารเช้า เสร็จสรรพ
ผมก็ไปเช่ามอเตอร์ไซค์ ขับเที่ยว
ค่าเช่าทั้งวัน 30,000 กีบ (120 บาท) น้ำมันเติมเอง
ผมกะไม่ถูกเหมือนกันว่า ต้องเติมเท่าไหร่ดี ไปถามที่ปั๊ม
เด็กปั๊มบอก เติม สัก 20,000 กีบ ก็เที่ยวได้ทั่วแล้ว
ผมเลยตัดสินใจ เติม 10,000 กีบ พอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ที่เที่ยว รอบ ๆ วังเวียง
ส่วนใหญ่ ก็เป็น ถ้ำ อยู่ไกลบ้าง ใกล้บ้าง แล้วแต่เราจะไป
ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ จะแจกแผนที่ซีร็อก มาให้ดู ซึ่งดูเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่องหรอก อิ อิ
ขับไป แล้วไปถาม ชาวบ้านเอง เข้าท่ากว่า ว่าควรไปเที่ยวทางไหนดี



ถ่ายแถวท่ารถ ที่เห็นเป็นลานกว้าง ๆ มีรถจอดอยู่นั้น
เมื่อก่อน เขาว่า เป็นลานบิน ให้เครื่องบินลง แต่เลิกใช้ไปนานแล้ว


ยืนเต๊ะท่า ถ่ายรูป ตรงสะพานข้ามแม่น้ำซอง ทางไปเที่ยวถ้ำ (ถ้ำอะไรก็จำชื่อไม่ได้แล้ว)
ที่ถ่ายตรงนี้ เพราะเห็นเอาลูกระเบิดมาทำหัวสะพาน
ประเทศลาวเป็นประเทศแห่งสงครามจริง ๆ เห็นเอาระเบิด กระสุน อะไรมาประดับอยู่เกือบทุกที่



เส้นทาง เต็มไปด้วยความยากลำบาก ต้องขึ้นเขา ลงห้วย ขับรถฝ่าสายน้ำอันเชี่ยวกราก



กำลัง ขับฝ่าสายน้ำอยู่ ไอ้เด็กลาว ที่นั่งเล่นอยู่บนกระท่อม ริมห้วย
ดันตะโกนถาม "ลุง ๆ ลุงขับรถลงน้ำเฮ็ดหยัง เป็นบ้าบ่ สะพานเขาก็มีให้ข้าม"

แหม ไอ้เด็กเวรนี่ กรูอุตส่าห์ แกล้งทำมองไม่เห็น จะเอารูปมาอวดคนสักหน่อย
ว่าไปผจญภัย ลุยน้ำ ลุยโคลนมา ดันมาทัก เสียเรื่องหมด เอิ๊ก ๆ



รูปนี้เอามาฝากหนุ่มน้อยลูกหินโดยเฉพาะครับ
เห็นเรียกร้องอยากดูรูปสาว ๆ เลยถ่ายสาวในชุดบิกินี่วาบหวิว มาให้ดูซะเรยยยย
เจ๋งมะ เจ๋งมะ...
ฮี่ ๆ ๆ เป็นบริเวณหน้าถ้ำครับ มีธารน้ำเล็ก ๆ น้ำเป็นสีเขียวมรกต สวยมาก
และมีนางกลางไพร กะลัง ลงเล่นสรงสนาน กลางป่าลึก
พอผมกดชัตเตอร์รูปแรกปั๊บ
ก็ได้ยินเสียง คนอยากกินฟักแฟงแตงโม จากบุคคลในรูปที่สอง ทันที
ครือว่า...เจน สองนางนี้ มี ทาร์ซาน มาคุมด้วยอะคับ
เกือบเอาศพมาทิ้งไว้กลางป่า แล้วไหมละ ตรู

สรุปแล้ว ถ้ำเถิ้ม ผมไม่ได้ขึ้นหรอกครับ
อุตส่าห์ขับมอเตอร์ไซค์มาตั้งไกล แล้วก็ต้องขับกลับเฉย ๆ
ไม่ได้กลัว ฝรั่งจะกระทืบ อะไรหรอก
ครือ...พอไปถามคนเฝ้าถ้ำ ว่าถ้ำต้องเข้าไปไกลเท่าไหร่
เขาบอก 100 เมตร ผมถาม 100 เมตร แนวนอน หรือ แนวตั้ง
เขาบอก "แนวตั้ง" อ๋อย...ถ้าให้ปีนขึ้นความสูงตั้ง 100 เมตร
ยอมไปเป็นพวกเหลี่ยมจะง่ายกว่า


กลับมา "นั่งกิน นอนกิน" ในวังเวียง ดีกว่า
ร้านนี้ กวนดี มีหมอน ไว้ให้หนุนนอน ดูทีวี ด้วย
เห็นฝรั่ง เอนหลัง "นอนกิน" อยู่เต็มไปหมด
เลยลองเข้าไป นั่ง เอ๊ย นอน กับเขาดู
อยู่ได้สักพัก ก็เช็คบิล ออกมา รู้สึกแปลก ๆ ตลกดี
ที่ต้องมานอนดูซีรี่ส์ friends ในดินแดนที่น่าจะไปดูอะไรที่มัน local มากกว่า





เดี๋ยวตอนหน้า จะพาไปชม "ตลาด" แท้ ๆ ของวังเวียง
ดูวิถีชีวิตชาววังเวียง ในส่วนที่ไม่มี "ฝรั่ง" และ "การท่องเที่ยว" มาเกี่ยวข้องครับ

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆคับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ