1/17/2552

ลาวเทิง ตอนที่ 4

กลับจากเที่ยวถ้ำ อันแสนไกล เหนื่อย และ ร้อน
(ขณะพิมพ์กระทู้อยู่นี่ แขนผมที่โดนแดดจนแสบร้อนในตอนนั้น ได้เกิดอาการ "ลอก" เป็นขุย ๆ น่าเกลียดมาก)
ผมกลับมา อาบน้ำ นอนพัก สักครู่ พอแดดร่มลมตก ก็อยากออกไปเที่ยวอีก

ที่เยื้อง ๆ กับที่พักผม เป็นที่ตั้งตลาดเก่า ตอนนี้ร้าง เหลือแต่สภาพโรงเรือน มุงหลังคา ขนาดใหญ่ ให้เห็น
เป็นที่รถสามล้อเครื่อง เข้าไปจอดพัก

ผมถามคนแถวนั้น ว่าตลาดวังเวียง ตอนนี้ ไปอยู่ที่ไหน
เขาคงนึกว่า ผมหมายถึง ตลาดขายของที่ระลึก เสื้อผ้า ให้นักท่องเที่ยว
ก็เลยบอกทาง ไปถึง จึงรู้ว่า คนบอกเขาเข้าใจความหมายผมผิด
ผมไม่ได้อยากมาดู ตลาด(หลอก)ขายของนักท่องเที่ยว ซึ่งไปเมืองไหนก็ต้องมี
ผมอยากดูวิถีชีวิต ของชุมชน "คน" จริง ๆ
ด้วยความที่คิดขึ้นมาในใจว่า ชุมชนที่ถูกการท่องเที่ยว "ครอบครอง"
คนที่เป็น คนพื้นถิ่น จริง ๆ - คนที่ไม่ได้มีชีวิต "ประกอบอาชีพเกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว"
เขามีชีวิตอยู่กันยังไง ยังมีที่อยู่ที่ยืนให้เขาหรือเปล่า หรือต้องถูกระบบทุนนิยม ผลักให้ออกไปอยู่ "ชายขอบ" กันหมด


ซึ่งก็มีส่วนจริง ตามที่ผมคิด
เพราะเมื่อผมสอบถามอีกครั้งว่า "ตลาด" จริง ๆ ของคนวังเวียง ที่เขาไปจับจ่ายซื้อสินค้าประจำวัน มันอยู่ตรงไหน
ก็ได้รับคำตอบว่า ไปสร้างใหม่อยู่นอกเมือง ไกลออกไปประมาณ 3 กิโล

ผมคิดเอาเองว่า คงเพราะไม่อยากให้อยู่ "รกหูรกตา" การท่องเที่ยว กระมัง
ถึงไล่ออกไปไกล ขนาดนั้น

เดี๋ยวจะพาไปดู ภาพชีวิตจริง ๆ ของชาววังเวียง กันครับ




ระหว่างทางไปตลาด ภาพเด็กน้อยชาวม้ง คอนกระบุง เดินไปตามทาง เป็นภาพที่เห็นชินตา
คนม้ง ไม่ค่อยขับรถ(มอไซค์) ไปไหนมาไหน เห็นแต่เดิน ไม่รู้ว่าเพราะยากจน หรือ เพราะ ชอบเดิน กันแน่



ภาพตลาดด้านหน้า แผงขายเครื่องใช้ไฟฟ้า และโทรศัพท์มือถือ เกลื่อนกลาด ดูไม่ค่อยน่า "เร้าใจ" เลย


แต่พอเดินทะลุไปด้านหลัง โอ้..อเมซิ่ง นี่แหละ สิ่งที่อยากเห็น






ไอ้ที่สีเหลือง ๆ ในถาดนั่น ถ้าถ่ายเป็นวิดีโอมา
จะเห็นคลานกระดุ๊บกระดิ๊บ ยั้วเยี้ย เลื้อยไปเลื้อยมา น่าหยดหยอง
เป็นหนอง หรือ ด้วง อะไรสักอย่างนี่แหละครับ
ตัวเกือบเท่านิ้วโป้ง อึ๋ยยยยยยยย


และนี่ ด้านซ้ายนั่น คงเป็นค้างคาว
ส่วนเจ้าสองตัว ที่นอนยิงฟันแหงแก๋ รูปร่างคล้ายหนู แต่ไม่ใช่
ดูขนาดตัว เทียบกับ ขาคน สิครับ ว่ามันตัวใหญ่ ขนาดไหน


แม่ค้าสองคนนี้เขาตั้งโต๊ะขายอะไรกัน



พอเข้าไปดูใกล้ ๆ อ๋อ...โต๊ะ ขายหวย(บนดิน)นี่เอง
ที่ไทยไม่มีแล้ว แต่เมืองลาว ยังขายกันเป็นปกติ เห็นทุกที่ ทุกเมือง
จะบอกว่าคนลาวชอบเล่นการพนัน หรือการพนันเป็นสิ่งถูกกฎหมาย หรือเปล่า ก็ไม่รู้
เพราะ นอกจากหวยแล้ว ตามที่สาธารณะต่าง ๆ ไม่ว่าจะตลาด คิวสามล้อ หน้าบ้านคน
จะเป็นคนลาว ตั้งวง จั่วไพ่ กัน เหมือนเป็นการพักผ่อนฆ่าเวลา
ไม่รู้ว่าเล่นเอาตังค์กันหรือเปล่า แต่เห็นชินตามาก


อาหารเย็นวันนี้ของผม จึงค่อนข้าง หะรูหะรา น่ากิน
มีผักต้ม ผักพื้นเมือง แจ่วบอง รสชาติ แซ่บถึงใจ จากตลาดวังเวียง ร่วมโต๊ะ
และ แฮ่ม...จะต้องมี "เขยลาว" หรือ เบียร์ลาว ร่วมโต๊ะด้วยทุกครั้ง ถึงจะแซ่บยิ่งขึ้น
ไปทริปนี้ ไม่รู้ผม เสวยเบียร์ลาว ไปกี่ขวด กี่ลัง ไม่ได้นับ แต่จำได้ว่า เยอะมาก
ผมพูดถึง "ความไม่มีมาตรฐานทางค่าเงิน" ของประเทศลาว ไปแล้ว
ว่า ข้าวของ เกือบทุกอย่าง ช่างดูแพงเวอร์ และ บางที ก็เหมือนราคาจะมั่ว ๆ
ข้าวของที่ราคาน่าจะแตกต่างกัน ก็เท่ากัน แบบ เอะอะอะไร ก็ ตั้งต้นที่ 10,000 กีบ (40 บาท) ไปเสียหมด
ซึ่งผมว่า การไม่มีมาตรการควบคุมราคาสินค้าที่ชัดเจน นี่แหละ
น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ เกิดภาวะเงินเฟ้อ
ในขณะที่รายได้ประชากรค่อนข้างต่ำ แต่กลับต้องใช้จ่ายเงินในราคาสูง

บางทีก็นึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน ว่าเขาอยู่กันได้ยังไง
ก๋วยเตี๋ยว ชามละ 30-40 บาท ขณะที่รายได้ เฉลี่ยต่อหัวแล้ว ไม่ถึง 2,000 บาท/เดือน ด้วยซ้ำ

แต่ยังมี ของอยู่ 2-3 อย่าง ที่ถูกกว่าประเทศไทย มากกกกกก
และผมก็บริโภคมันบ่อยเสียด้วย สบายไป
ไอ้ "ของถูก" 2-3 อย่าง ที่ว่า กลับเป็นของที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
เป็นของไม่ดี อบายมุข ของทำลายสุขภาพ ซะงั้น

อย่างแรก ก็คือ เบียร์ลาว (ที่เห็น คนไทยอ่านเป็น "เขยลาว" นะแหละ)
ราคาขายตามร้านขายของชำ 7,000 กีบ คิดเป็นเงินไทยก็แค่ ขวดละ 28 บาท
ตามร้านอาหาร อาจเพิ่มขึ้นมาเป็น 8,000 กีบ
ร้านที่แพงเวอร์หน่อย อาจจะคิดราคา 10,000 กีบ ซึ่งก็ยังถูกโคตร ๆ
ผมกินแต่ละที 3 ขวด เป็นอย่างน้อย เอิ๊ก ๆ ๆ กำลังนอนหลับสบาย มากกว่านี้ จะตาค้าง...

อย่างที่สอง บุหรี่ ครับ
บุหรี่ลาว มีหลากหลายยี่ห้อ ราคาซองละ 4,000 กีบ เท่านั้นเอง คิดเป็นเงินไทยก็แค่ 16 บาท
สูบให้ปอดฉีกไปเลย
ยิ่งผมไปอยู่ ซื้อเป็นคอตตอน ยิ่งถูกเข้าไปอีก
1คอตตอน/10 ซอง = 30,000 กีบ เท่ากับเหลือแค่ซองละ 12 บาท
อะไรมันจะถูกขนาดนี้

อย่างที่สาม คือ กาแฟ
อย่างที่บอก กาแฟลาว คุณภาพดีกว่าไทย ราคาก็ถูก
กาแฟร้อน แก้วละ 3,000-4,000 กีบ เท่านั้นเอง
แต่น่าเสียดาย ที่คนลาว ชงกาแฟ "เสียของ" ถ้าไม่สั่งระบุลงไป จะชงใส่นมข้น แบบหวานจ๋อย เหมือนพวกกาแฟโบราณรถเข็น
แต่ถ้าสั่ง เป็นสูตรฝรั่ง พวกคาปู เอสเพรสโซ รสชาติ เข้มข้น หอมกรุ่น ดีมาก
หรือไม่ก็ สั่งเป็นกาแฟดำ แล้วเรามาเติมน้ำตาล เติมครีมเอาเอง จะดีกว่า



"เขยลาว" ของโปรดผมที่เมืองลาว ถ่ายขวดนี้มาให้ดู เพราะเสิร์ฟมาพร้อม "สแน็ก" ที่ตลกมาก ๆ
คือ ถั่วลิสง กับ กล้วยน้ำว้า ก๊ากกกกก จะให้กินกล้วยน้ำว้า แกล้มเบียร์

ความไม่มีมาตรฐานทางราคา ของเมืองลาว ก็คือ เบียร์ขวด กับ เบียร์กระป๋อง
ดันขายราคาเท่ากัน ทั้งที่ ปริมาณ มันไม่เท่ากัน เฮ้อออออ..



และ ยังมีอีกอย่างหนึ่ง ที่ถือว่า "ราคาถูกมาก" ที่เป็นประโยชน์ต่อนักท่องเทียวโดยตรง
นั่นคือ ราคาค่าที่พักครับ
ค่าที่พักในลาว ถ้าระดับ ชั้นดี ห้องแอร์ จะตกราว ๆ 10-15 ดอลลาร์ (100,000-150,000 กีบ) เท่านั้นเอง
และ ระดับ รอง ๆ ลงมา ก็มีตั้งแต่ 50,000 กีบ ลงมาถึง 20,000 กีบ เลยด้วยซ้ำไป
ลองคำนวณออกมาเป็นเงินไทยดูซิครับ 20,000 กีบ มันก็แค่ 80 บาท เท่านั้นเอง
ห้องพักคืนละ 80 บาท!!!!! หาได้ที่ไหนในโลก

และ อ้อ...ถึงจะเป็นห้องเกรดต่ำ ผ้าปูเตียงเก่า พัดลม เสียงดัง ปานใด หรือต้องใช้ห้องน้ำรวม
แต่ส่วนใหญ่ ก็ต้องมีน้ำอุ่น ให้อาบ
เพราะขายฝรั่ง เป็นพื้น
ฝรั่งมันอาบน้ำเย็น ไม่เป็นมังฮะ อิ อิ

มาดู เกสต์เฮาส์ ที่ผมย้ายมาพักในคืนที่ 2 กันดีกว่า
ชื่อ "พูบาน" อยู่ติด ๆ กับ วังเวียง ออร์คิด ที่พักแรก นะแหละ
สภาพค่อนข้างเก่า เหมือนที่พักชายทะเล บางปู หรือ หัวหิน เมื่อ 40 ปี ก่อน อะไรประมาณนั้น
แต่ก็ โอเค ไม่ถึงกับ เก่าโทรม จนอยู่ไม่ได้
ที่สำคัญ ราคา แค่ 30,000 กีบ เอง คืนละ 120 บาท



ห้องผม อยู่ริมสุด ซ้ายมือ นั่นแหละครับ เป็นห้องพัดลม
แต่อากาศภายนอกเย็นสบาย มีฝนตกปรอย ๆ ไม่ต้องเปิดพัดลม ก็นอนหลับ สบายดี


พักอยู่ที่ "พูบาน" คืนเดียว
รุ่งเช้าก็เก็บของ เตรียมออกเดินทางต่อไปยัง "โพนสะหวัน" สวิตเซอร์แลนด์ลาว แล้วครับ

บ้ า ย บ า ย . . . วั ง เ วี ย ง

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความ